วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความแตกต่างของสิ่งแวดล้อม ระหว่างชุมชนเมืองกับชุมชนชนบท

สิ่งแวดล้อมในเมือง


ชุมชนเมืองมีประชากรหนาแน่นมากตามความเจริญของเมืองสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่นอากาศ น้ำ ดิน แสง เสียง สิ่งปฏิกูล เปลี่ยนแปลงไปขาดความสมดุลตามธรรมชาติเนื่องจากมนุษย์ได้สร้างตึก โรงงาน ถนน เครื่องจักร เครื่องยนต์ เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อประกอบการและอำนวยความสะดวกสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติถูกทำลายด้วยสิ่งที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาแทน สิ่งแวดล้อมในเมืองจึงเต็มไปด้วยตึก โรงงาน ที่ทำงานด้วยเครื่องจักรมีเสียงดังอึกทึกตลอดเวลา พ่นหมอกควัน อากาศเต็มไปด้วยฝุ่นละออง กลิ่นเหม็นจากสารเคมี ท่อไอเสียจากรถยนต์และเครื่องยนต์สิ่งมีชีวิต พืช สัตว์ อันเป็นสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพถูกทำลายทำให้มนุษย์ต้องสูญเสียสิ่งที่ช่วยสร้างสุขภาพและอนามัยของชุมชนบางส่วนไปและเกิดโทษตามมาแทนการดำรงชีพของชุมชนในเมืองเปลี่ยนไปพึ่งอุตสาหกรรมเป็นหลักแทนการเกษตร สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนเมือง ต่างพึ่งตนเองต้องแข่งขันในทางเศรษฐกิจ ขาดความใกล้ชิดผูกพันกัน สิ่งแวดล้อมในเมืองกำลังจะเต็มไปด้วยสิ่งมีพิษและอันตรายต่อชีวิต

<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

สิ่งแวดล้อมในชนบท


ชุมชนในชนบทนั้นแม้จะมีประชากรมากขึ้นแต่ยังมีความหนาแน่นน้อย สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น อากาศน้ำ ดิน ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ  แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ไม่มากเพราะสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ยังมีไม่มากและไม่เท่าในเมือง ความสมดุลตามธรรมชาติยังพอมีอยู่ พืช สัตว์ ต้นไม้ที่มีสภาพสีเขียวยังมีอยู่ แม้จะมีการสร้างถนน มีการใช้เครื่องยนต์สารเคมี สารฆ่าแมลง ปุ๋ย เพื่อการเกษตร อากาศมีความสกปรก ความเป็นพิษน้อยกว่าในเมือง สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ ยังเอื้ออำนวยต่อสุขภาพและอนามัยชุมชนสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ แต่ความเชื่อทางวัฒณธรรม มีการเปลี่ยนแปลงไม่รุนแรงเหมืองชุมชนเมือง ความใกล้ชิดความผูกพันยังมีอยู่อย่างแน่นแฟ้น สิ่งแวดล้อมในชนบทธรรมชาติยังรักษาความสมดุลไว้ได้และยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและคนในชุมชน

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ในกรุงหรือบ้านนอก บอกหนูที...ใครดีกว่ากัน????

คุณคิดอย่างไรกับความแตกต่างระหว่างสังคมเมือง และ สังคมชนบท

ลักษณะทั่วไปของสังคมไทย

     เป็นสังคมที่บุคคลสามารถเลือกปฎิบัติในสิ่งที่ตนพอใจ ไม่ยึดถือว่าต้องปฎิบัติเป็นแบบเดียวกัน สังเกตได้จาก ค่านิยมของคนไทยหลายประการที่ขัดกันเองเช่น " ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาท" ในขณะเดียวกันก็มีค่านิยมว่า"น้ำขึ้นให้รีบตัก" หรือ "มือใครยาว สาวได้สาวเอา" เป็นการแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ที่ยึดมั่นในสิ่งใดหรือไม่จริงจังต่อสิ่งใด ขอให้สบายก็แล้วกัน บุคคลจะทำตามความพอใจมากกว่าสังคม มีการยืดหยุ่น ไม่มีกฎตายตัวแต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือถึงกับทำให้เดือดร้อนจนอยู่ในสังคมนี้ได้


สังคมไทย

     จัดเป็นรูปแบบสังคมเกษตรกรรม ประมาณ ร้อยละ 80 ของประชากรทั่วประเทศทำการเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ ระบบสังคมไทย   อาจแบ่งเป็น 2 ระบบคือ
       - สังคมชนบท
       - สังคมเมือง
    ทั้งสองระบบนี้เป็นตัวกำหนดบทบาทหน้าที่ และวิถีชีวิต ของคนในสังคม
ไทยซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงน้อยจะเปลี่ยนแปลงน้อยจะเปลี่ยนแปลงเฉพาะ ผู้อยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยของสังคมไทย เพราะประชากรส่วนใหญ่จะอยู่ในชนบททำการเกษตร ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีมีการศึกษาน้อย  ฐานะยากจน ไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นใหม่ ๆ ยึดถือเงินตรา เกียรติ อำนาจ มีโครงสร้างของชนชั้นยกย่องความเป็นเจ้าคนนายคน ยึดบุคคลเป็นหลัก ยกย่องผู้อาวุโส